รีวิวเกม : FIFA 22 : ภาคที่ภาพสวยละมุนที่สุด

ตามปกติทุกปี FIFA จะใช้คำศัพท์ทางเทคนิคเพื่อโปรโมตฟีเจอร์ใหม่ของเกมในปีนั้น และคราวนี้เป็น Hypermotion ซึ่ง EA ใช้เทคโนโลยีจับการเคลื่อนไหวเพื่อจับการเคลื่อนไหวของผู้เล่น โดยเตะ 22 คนลงสนามพร้อมกัน อันที่จริง การสมัครเข้าร่วมเกมของคุณเองเป็นการปรับปรุงที่อาจไม่ส่งผลกระทบต่อการเล่นเกมมากนัก แต่ก็ช่วยทำให้บรรยากาศในสนามสมจริงยิ่งขึ้น

การเคลื่อนไหวของผู้เล่นเป็นธรรมชาติกว่าปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด เเต่น่าเสียดาย ฟีเจอร์นี้จะใช้งานได้เฉพาะในเกมเวอร์ชัน PS5 และ Xbox Series รวมถึง Stadia หากคุณอยู่ในประเทศที่มีให้บริการ ไม่พร้อมใช้งานบน PS4 และ Xbox One แต่ก็ไม่พร้อมใช้งานบนพีซีเช่นกัน ไม่ว่าคุณจะแข็งแกร่งแค่ไหน

ส่วนในปีนี้ของ Switch จะยังคงมีเอกลักษณ์เหมือนเช่นเคย ที่กล่าวว่าเกมจะยังคงเป็น Legacry Edition โดยมีระบบเดียวกับ FIFA 21, FIFA 20 และ FIFA 19 ยกเว้นรายชื่อและเสื้อที่อัปเดตประจำปี

นอกจาก Hypermotion แล้ว ยังสามารถปรับปรุงบรรยากาศของเกมได้อีกด้วย อีกสิ่งหนึ่งที่ควรทราบหากคุณคุ้นเคยกับเกมของปีที่แล้วก็คือการเล่นเกมของ FIFA 22 จะช้ากว่าเล็กน้อย สิ่งนี้ทำให้เกมมีความสมดุลและสมจริงยิ่งขึ้น มันเปิดโอกาสให้เราปรับแผนการเล่นและใช้ผู้เล่นได้หลากหลายประเภทมากขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคนที่มีแต้มสถานะสูงสำหรับเกมหลักตามปกติ แม้แต่เกมที่มีท่าพลิกแพลงหรือกดลงเพื่อใช้ทักษะขั้นสูง แต่มันมีประโยชน์ในการเลี้ยงบอลและหลอกล่อคู่ต่อสู้มากกว่าการทำประตู เพราะดูเหมือนว่า AI ของผู้เล่นฝ่ายรับได้รับการอัพเกรดให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้นกว่าเดิม เช่นเดียวกับกองหลังที่มีโอกาสบล็อกและสกัดบอลได้มากขึ้น รวมถึงแอนิเมชั่นใหม่สำหรับผู้รักษาประตูที่จะช่วยให้พวกเขาเซฟบอลได้ในสถานการณ์ต่างๆ มากขึ้น

ในเวลาเดียวกัน เกมได้เพิ่มการควบคุมใหม่ที่เป็นประโยชน์ในการโจมตีเชิงรุก เช่น การพุ่งด้วยระเบิด ซึ่งมองแวบแรกดูเหมือนการวิ่งปกติ แต่ความจริงก็คือ มันจะเร่งบอลจากจุดสัมผัสหรือเลี้ยงบอลเป็นเส้นตรงได้เร็วกว่าที่เคยเป็นมา สำหรับการป้องกันนั้น การควบคุมสามารถเปลี่ยนได้โดยการกดปุ่ม R3 แล้วกดแท่งอนาล็อกไปตามทิศทางของผู้เล่นที่เราต้องการ ในบางกรณี อาจช้ากว่าการกดปุ่ม L1 เพื่อแทนที่ แต่ให้ใช้ปุ่ม R3 ให้มีประสิทธิภาพที่สุด นั่นคือ ก่อนอื่นเราควรเลือกผู้เล่นที่เราต้องการเปลี่ยนการควบคุม จากนั้นกด R3 แล้วดันแท่งอนาล็อกไปในทิศทางของผู้เล่นคนนั้น ซึ่งเร็วกว่าการกด L1 และบางครั้งมันไม่ได้ลงที่ผู้เล่นที่เราต้องการเสมอไป อีกทั้งในส่วนของการแสดงข้อมูลตั้งแต่จบครึ่งแรกถึงครึ่งหลังก็มีตัวเลขให้ดูและรายละเอียดมากขึ้น แม้ว่าการเล่นในเวลาปกติอาจจะไม่สำคัญนัก แต่ก็ถือว่าเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้เล่นที่ต้องการปรับแต่งแผนอย่างละเอียด

ด้วยโหมดอาชีพ ในที่สุดเราก็สามารถสร้างทีมของเราเองและกำหนดประวัติศาสตร์ของสโมสรได้อย่างอิสระ ทั้งตั้งชื่อและตั้งชื่อเล่นให้กับผู้พูด ปรับรายละเอียดปลีกย่อยของสีและรูปแบบเสื้อแข่ง สภาพสนาม งบประมาณ เสียงเชียร์ของแฟนบอล และความคาดหวังของห้องประชุมและการพัฒนาทีมเยาวชน แต่สิ่งที่ต้องปรับปรุงคือฉากนอกแทร็ก ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาซื้อขายระหว่างสโมสรหรือการแถลงข่าว การกระทำและบทสนทนาจะถูกทำซ้ำโดยไม่มีคำบรรยาย แต่เราจะข้ามไปไม่ได้เพราะต้องเลือกบทสนทนาที่มีผลกระทบกับสโมสรมากที่สุด แม้ว่าระบบต่างๆในโหมดนี้จะดูดี แต่เห็นได้ชัดว่ามีช่องว่างสำหรับการปรับปรุง และ Ultimate Team ดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับวิธีที่เราใช้เวลาในการเล่นมากขึ้นเพื่อรับรางวัล แต่ยังมีทางเลือกของผู้บริโภคในการตกแต่งมากขึ้น ตัวอย่างเช่นชุดตกแต่งสไตล์อนิเมะที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในปัจจุบัน แต่โครงสร้างหลักของโหมดนี้ยังคงเดิม ยิ่งเติมมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น ดังนั้นการเล่นบทบาทของปลาวาฬและสูบเงินเข้าสู่ EA จะยังคงเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับโมเดลนี้ ถ้าใครจะบอกว่ามันจริงก็เพราะว่าเงินก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนฟุตบอลเช่นกัน

FIFA 22 เป็นเกมฟุตบอลที่มีโหมดเกมมากมายที่สามารถเล่นได้ตั้งแต่วันแรก ไม่ต้องรอจนกว่าจะมีการอัพเดทเพิ่มเติมในภายหลัง เช่น เกมที่ยังไม่สร้างและวางจำหน่ายก็มาเล่นกันก่อน คุณอาจต้องการซื้อมันเพียงเพื่อสร้างตัวละครของคุณเองเพื่อยกระดับใน Pro Clubs หรือเพียงเพื่อเล่นเป็นผู้จัดการในโหมด Career บางคนต้องการเล่น Volta Football เพราะพวกเขาคิดถึงโลกของ FIFA Street สิ่งที่เราสามารถพูดได้คือ FIFA 22 เป็นเกมที่มีการปรับปรุงในหลาย ๆ ด้านจากปีที่แล้ว แต่มีบางสิ่งที่สามารถปรับปรุงได้ หรือจะเรียกว่าเสียเปรียบก็ได้ และซีรีส์ยังคงเป็นเกมกีฬาที่ออกทุกปีแบบนี้ และทุกครั้งที่ภาคใหม่ออกไม่ได้ เราก็คาดหวังว่าจะมีการพัฒนาครั้งใหญ่ เพราะดูเหมือนว่ามันจะเป็นเกมที่ดีขึ้นเรื่อยๆ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : รีวิวเกม