รีวิวหนัง The Childe เทพบุตรล่านรก

เรื่องราวของหนัง The Childe เทพบุตรล่านรก

รีวิวหนัง The Childe เทพบุตรล่านรก และนี่คือหนังในเกาหลีใต้ในปีนี้ที่ถูกพูดถึงและรับชมตั้งแต่เข้าฉาย นี่คือ "The Angel of Hell" หนังแอ็คชั่นระทึกขวัญที่หลายคนบอกว่าต้องเป็น ยกนิ้วให้ ให้เป็นหนังที่ดีที่สุดแห่งปี แต่สิ่งต่างๆ จะดีอย่างที่พูดหรือไม่? หรือบางทีนี่อาจเป็นเพียงกระแสวิจารณ์เชิงบวกจากภาพยนตร์เรื่องแรกของ "คิมซอนโฮ"? เรื่องราวของเด็กชายลูกครึ่งคอร์ปิโน พ่อของเขาเป็นคนเกาหลีและแม่ของเขาเป็นชาวฟิลิปปินส์ เขาอาศัยและเติบโตในฟิลิปปินส์ และความฝันที่จะเป็นนักมวยอาชีพที่ประสบความสำเร็จไปทั่วโลกจึงตัดสินใจไปเกาหลีใต้ ตามหาตัวตนที่แท้จริงของเขาที่ทิ้งเขาไปตั้งแต่ยังเป็นเด็ก 

แต่ดูเหมือนว่าการเดินทางครั้งนี้ของเขาจะนำพาเขาไปสู่ความพัวพันและเส้นทางของบุคคลอันตราย นี่เป็นผลงานล่าสุดของผู้กำกับ “พัค ฮุน จุง” ที่ยังคงรับผิดชอบในการกำกับและเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้เช่นเคย และดูเหมือนว่าเขายังคงมีทักษะในการเชื่อมโยงเรื่องราวในภาพยนตร์สไตล์นี้ได้เป็นอย่างดี มีทั้งประเด็นดราม่าและแอคชั่นดิบเป็นองค์ประกอบเสริมและทั้งสองเข้ากันได้ดี หากคุณเคยดูผลงานก่อนหน้าของผู้กำกับคนนี้อย่าง "The Witches" สองตอน ในหนังเรื่องนี้เขาก็ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาและใช้มันด้วย เพื่อประโยชน์ของเขา จริงๆ แล้ว Childe น่าจะเป็นหนังที่ไม่เกี่ยวกับอะไรเลย แค่หนังดังที่เลือกประเด็นมาชัดเจนและเผยชั้นของเรื่อง 

ขอชื่นชมความฉลาดของผู้กำกับปาร์คที่เลือกใช้คอปปิโนเป็นหัวข้อของเรื่อง ซึ่งเป็นประเด็นทางสังคมที่ยังคงดึงดูดความสนใจในเกาหลีอย่างต่อเนื่อง ค่านิยมในความสัมพันธ์เกาหลี-ฟิลิปปินส์ทำให้เกิดทายาทที่ไม่เคยอยากจะยอมรับ นี่เป็นปัญหาละเอียดอ่อนที่ได้รับการหยิบยกมาอย่างละเอียดและเข้มข้น อย่างไรก็ตาม ฉันยังแอบรู้สึกว่านายน้อยค่อนข้างน่าเบื่อเล็กน้อย คงจะดีถ้าหนังกระชับขึ้นอีกหน่อย น่าจะน่าประทับใจกว่านี้ โดยเฉพาะการให้รายละเอียดองค์ประกอบบางอย่างที่ไม่จำเป็นจริงๆ จุดประสงค์ก็เพียงเพื่อแสดงความดุร้ายของตัวละครเท่านั้น ถือว่านานกว่าที่จำเป็นเล็กน้อย น่าเสียดายที่สิ่งนี้ทำลายอารมณ์ของภาพยนตร์

แต่ผลงานของเด็กยังค่อนข้างดี โดยเฉพาะการออกแบบฉากแอคชั่นยังคงเฉียบคมเช่นเคย คุณยังคงสามารถไว้วางใจทีมงานที่สร้างชุดอุปกรณ์นี้ได้ การกระทำต่างๆ เช่น การล่าสัตว์ ไม่ใช่เรื่องใหม่มากนัก แต่จังหวะและโทนของหนังได้รับการจัดเตรียมอย่างลงตัว และระงับอารมณ์คนดูได้ดีสลับประเด็นจริงจังกับประเด็นเล็กๆ ถือเป็นสีสันและความเป็นเอกลักษณ์ของหนัง สำหรับการจำลองสถานการณ์ต่างๆ ของเมืองฟิลิปปินส์ ถือว่าน่าพอใจ ถึงเราเป็นคนไทยแต่เราก็จะนั่งดูหนังเรื่องนี้ คุณจะรู้ได้ทันทีว่านี่คือฉากที่ถ่ายทำในประเทศไทย เนื่องจากรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ต่างๆ ในภาพยนตร์ดูเหมือนจะไม่ได้ตั้งใจที่จะรักษาไว้ด้วยความละเอียดที่แม่นยำ แต่ฉันยอมรับว่าประเทศของเราและฟิลิปปินส์มีความคล้ายคลึงกันและเปลี่ยนกันได้ แต่อาจจะไม่ใช่ในทุกองค์ประกอบ

อ่านเพิ่มเติม : รีวิวหนัง